วันพฤหัสบดีที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2553

WEB 2.0 กับการจัดการเรียนการสอน


WEB 2.0  กับการจัดการเรียนการสอน

เครือข่ายสังคมออนไลน์กับการใช้ประโยชน์เพื่อการเรียนรู้ร่วมกัน

          WEB 2.0  เป็นยุคที่เน้นให้อินเตอร์เน็ตมีศักยภาพในการใช้งานมากขึ้น  เน้นให้ผู้ใช้มีส่วนร่วมในการสร้างสรรค์สิ่งต่าง    ลงบนเว็บไซต์ร่วมกัน  และสามารถโต้ตอบกับข้อมูลที่อยู่บนเว็บไซต์ได้  และผู้ใช้สามารถสร้างเนื้อหา  ( Content )  แลกเปลี่ยน  และกระจายข้อมูลกันได้ทั้งในระดับบุคคล  หรือกลุ่ม  จนกลายเป็นสังคมในโลกอินเตอร์เน็ต  หรือเรียกว่า  สังคมออนไลน์  นั่นเอง
     สังคมออนไลน์  (  Social  network  )  คือสังคมที่ผู้คนสามารถทำความรู้จัก  ร่วมแบ่งปันสิ่งที่สนใจ  และสามารถเชื่อมโยงกันได้ในทิศทางใดทิศทางหนึ่งในโลกอินเตอร์เน็ต  โดยอาศัยรูปแบบการบริการ  เรียกว่า  บริการเครือข่ายสังคม  (  Social  networking  service  )  โดยแบบรูปแบบของเว็บไซต์  ในการสร้างเครือข่ายสังคม  สำหรับผู้ใช้งานในอินเตอร์เน็ต  ที่ใช้เขียนและอธิบายความสนใจ  และกิจกรรมที่ได้ทำ  และเชื่อมโยงกับความสนใจและกิจกรรมของผู้อื่น  รวมทั้งข้อมูลส่วนตัว  บทความ  รูปภาพ  ผลงาน  พบปะ  แสดงความคิดเห็น  แลกเปลี่ยนประสบการณ์  หรือความสนใจร่วมกัน  และกิจกรรมอื่น    รวมไปถึงเป็นแหล่งข้อมูลจำนวนมหาศาลที่ผู้ใช้สามารถช่วยกันสร้างเนื้อหาขึ้นได้ตามความสนใจของแต่ละบุคคลหรือกลุ่มบุคคล
     ปัจจุบันมีเว็บไซต์ที่ให้บริการสังคมออนไลน์  มีอัตราการเจริญเติบโตสูงสุดในอินเตอร์เน็ต  และมีอัตราการเข้าใช้งาน  และสมัครสมาชิกสูงสุด  โดยเฉพาะอย่างยิ่ง   เว็บไซต์  Myspace  และ  Facebook  นอกจากนี้  เว็บไซต์ที่ให้บริการสังคมออนไลน์มีหลากหลายเว็บไซต์  เช่น  Digg  ,  Youtube  ,  Multiply  ,  linkedin  และเป็นที่นิยมกันมากที่สุดในสังคมวัยรุ่นบ้านเราคือ  Hi5  นั่นเอง  หลาย    คนคงมี  Web  Social  network  เป็นของตัวเอง  บางคนมีหลาย    เว็บด้วยซ้ำไป  อย่างไรก็ตาม  เราสามารถประยุกต์ใช้สังคมออนไลน์  กับงานด้านต่าง    ไม่ว่าจะเป็นด้านธุรกิจ  หรือการเรียนการสอนในลักษณะของการแลกเปลี่ยนความรู้  (  Knowledge  sharing  )  ร่วมกัน  การนำเสนอผลงาน  การติวหนังสือด้วยกัน  หรือแม้แต่กระทั่งการทำงานกลุ่มร่วมกัน  ปัจจุบัน  มีเว็บไซต์ที่ให้บริการ  Social  networking  service   (  SNS  )  มากมาย  แต่ละเว็บก็ต่างคิดค้นพัฒนาเพื่อเอาใจผู้ใช้กันอย่างต่อเนื่อง  อย่างไม่หยุดยั้ง  และยังมีฟังก์ชั่นมากมาย  แต่อาจจะมีจุดเด่นแตกต่างกันไปเพื่อเป็นจุดขายให้กับเว็บไซต์นั้น    ซึ่งเราสามารถนำมาประยุกต์ใช้เว็บ  SNS  เพื่อเป็นเครื่องมือแลกเปลี่ยนความรู้   และทำงานร่วมกันได้  โดยกลุ่มหลัก    ของ  SNS  เพื่อการแลกเปลี่ยนเรียนรู้แบ่งออกได้ดังนี้
          1.  กลุ่มเว็บไซต์เผยแพร่  ตัวตน   เว็บไซต์เหล่านี้ใช้สำหรับนำเสนอตัวตน  และเผยแพร่เรื่องราวของตนเองทางอินเตอร์เน็ต  หรือผู้ใช้สามารถเขียน  blog  สร้างอัลบั้มรูปตัวเอง  สร้างกลุ่มเพื่อนในห้องเรียน  และสร้างเครือข่ายเพื่อการเรียนรู้ขึ้นมาได้  ตัวอย่างเว็บไซต์ประเภทนี้  คือ  myspace.com  ,  hi5.com  และ  facebook   เป็นต้น
          2.   กลุ่มเว็บไซต์เผยแพร่  ผลงาน  เราสามารถใช้เว็บไซต์เหล่านี้  ในการนำเสนอผลงานของตัวเอง  ผลงานของกลุ่มได้ในรูปแบบต่าง    ไม่ว่าจะเป็น  วีดิโอ  ,  รูปภาพ  หรือ  เสียงที่อาจารย์สอนได้จากการบันทึกในชั้นเรียนเป็นต้น  ตัวอย่างเว็บไซต์ประเภทนี้  เช่น  Youtube.com  ,  Yahoo VDO  ,  Google  VDO  ,  Flickr.com  ,  Multiply.com  เป็นต้น
          3.   กลุ่มเว็บไซต์ที่มีความสนใจตรงกัน
                  มีลักษณะเป็น  Online  Bookmarking   หรือ  Social Bookmarking  โดยมีแนวคิดที่ว่า  แทนที่เราจะทำ   Bookmark (  เหมือนกับเราคั่นหนังสือ  )  เว็บที่เราชอบ  หรือบทความที่เกี่ยวข้องกับการเรียน  เก็บไว้ในเครื่องของเราคนเดียว  สู้เรา  Bookmark  เก็บไว้ในเว็บจะดีกว่า  เพื่อจะได้แบ่งให้เพื่อนคนอื่นได้ดูด้วย  และเราก็จะได้รู้ด้วยว่า  เว็บไซต์ใดที่ได้รับความนิยมมาก  เป็นที่น่าสนใจ  โดยดูได้จากจำนวนตัวเลขที่เว็บไซด์นั้นถูก  Bookmark  เอาไว้จากสมาชิกคนอื่น    ตัวอย่างเว็บไซต์นี้  ได้แก่  del.icio.us  ,  Digg  ,  Zickr  ,  duocore.tv  เป็นต้น
4.        กลุ่มเว็บไซต์ที่ใช้ทำงานร่วมกัน
เป็นกลุ่ม  SNS   ที่เปิดให้สมาชิกทุกคนในกลุ่มเข้ามานำเสนอข้อมูล  ความคิด  หรือ 
ต่อยอด  เรื่องราวต่าง    ได้  ตัวอย่างเว็บไซด์นี้  ได้แก่
              WikiPedia  เป็นสารานุกรมต่อยอด  ที่อนุญาตให้ใครก็ได้เข้ามาช่วยกันเขียน  และแก้ไขบทความต่าง    ได้ตลอดเวลา  ทำให้เกิดเป็นสารานุกรมออนไลน์ขนาดใหญ่ที่รวบรวมความรู้  ข่าวสาร  และเหตุการณืต่าง    ไว้มากมาย
                    ปัจจุบัน  เราสามารถใช้  Google  Maps  สร้างแผนที่ของตัวเอง  หรือ  แชร์แผนที่ให้คนอื่นได้ด้วย  จึงทำให้มีสถานที่สำคัญ  หรือ  สถานที่ต่าง    ถูกปักหมุดเอาไว้  พร้อมกับข้อมูลของสถานที่นั้น    ไว้แสดงผลจากการค้นหาได้อีกด้วย
และสิ่งสำคัญอีกสิ่งหนึงสำหรับ  Social  network   นั้นก็คือ  เราสามารถพูดคุย  นำเสนอ  บอกเล่าเรื่องส่วนตัว  และเรื่องราวการเรียน  เรื่องราวที่เราสนใจ  หรือแม้แต่การทำรายงานของเรา  และของกลุ่มเราได้  ดังนั้น  เราจึงควรใช้ประโยชน์จากอินเตอร์เน็ตและเว็บสังคมออนไลน์ให้เกิดประโยชน์  แทนที่จะนำเสนอรูปภาพส่วนตัว  หรือเรื่องราวที่ไม่ก่อให้เกิดการเรียนรู้  หันมารวมกลุ่มกันสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ร่วมกันโดยผ่านเว็บไซต์สังคมออนไลน์ที่มีให้บริการฟรีอยู่มากมายหลากหลายในอินเตอร์เน็ตนะครับ
(  บทความลงเอกสาร  MGT NEWs , วจก.SKRU  by  thanapat   )

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น